จะซื้อโทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี นึกทีไร แล้วปวดหัวทุกที

โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี หลายๆคนปวดหัวกับคำถามนี้ ไม่ใช่น้อยเลย

เคยไหม จะเลือก โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี แต่ละที นั่งดูรีวิวครั้งแล้วครั้งเล่า หาข้อมูลในโซเชียลจนตาลาย สุดท้ายก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกตัวไหนดี เป็นเรื่องธรรมดาหากเราไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ เราย่อมไม่รู้ว่าส่วนผสมตัวไหนจะเหมาะสมและดีกับเรามากที่สุด การสอบถามผลลัพธ์จากเพื่อนๆ หรือคนรู้จักที่เคยใช้มาแล้วจึงเป็นทางออกที่ดีพอ ยิ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีจุดประสงค์ในการใช้งานไม่ชัดเจนนัก ก็ยิ่งต้องหารายละเอียดจนกว่าจะพอใจ อย่างเช่น โทนเนอร์ หลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆ แล้วเราใช้โทนเนอร์เพื่ออะไร คนที่มารีวิวส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ได้เจาะลึกในส่วนของโทนเนอร์มากเท่าที่ควรจะใช้ โทนตัวไหน จึงกลายเป็นคำถามที่หลายคนก็ยังไม่ได้คำตอบที่ดีที่สุด

โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี

 

อันที่จริงคุณภาพของโทนเนอร์ เรื่องของแบรนด์หรือยี่ห้อเป็นเพียงเครื่องการันตีความน่าเชื่อถึงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ใจความสำคัญมันอยู่ที่ว่าเราเลือกผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของเราได้ไหม พอกันทีกับ โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี แล้วเปลี่ยนมาเป็นโทนเนอร์แบบไหนที่เหมาะกับเรา โดยจะมีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการเลือกโทนเนอร์มาแนะนำดังนี้

  1. เลือกตามสภาพผิว: โทนเนอร์แต่ละสูตรจะมีส่วนผสมที่เหมาะกับผิวต่างกัน แม้ว่าโทนเนอร์จะมีของเหลวที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา เมื่อทาไปบนผิวก็เหมือนจะแห้งไปจนหมดภายในชั่วพริบตา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะก่อให้เกิดปัญหาผิวอุดตันหรือเกิดความระคายเคืองไม่ได้ ยิ่งกับผิวแพ้ง่าย ก็ยิ่งต้องระวังให้มาก
  2. เลือกตามปัญหาผิว: ถึงเราจะใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าในระยะเวลาไม่กี่นาที แต่เชื่อเถอะว่ามันช่วยแก้ปัญหาผิวของเราได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสิว ผิวมัน ผิวหมองคล้ำ ผิวขาดความชุ่มชื้น โทนเนอร์มีส่วนช่วยพอสมควร ดังนั้นก็อย่าคิดว่าซื้อมาเพื่อช่วยทำความสะอาดผิวเท่านั้น อย่าลืมใช้ให้เต็มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ด้วย
  3. เลือกตามการใช้งาน: โทนเนอร์ไม่ได้เอาไว้เช็ดหน้าเพียงอย่างเดียว มันสามารถทำเป็นสเปรย์ฉีดหน้าระหว่างวันได้ด้วย หรือจะใช้ชุบสำลีมาโปะผิวหน้าคลายความแสบร้อนจากแสงแดดก็ย่อมได้ ดังนั้นก็ต้องเลือกเนื้อของโทนเนอร์ให้เหมาะด้วย

โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี

อย่างไรก็ตาม หากไม่แน่ใจว่าผิวตัวเองเป็นแบบไหน แล้วก็ไม่ได้มีปัญหาผิวอะไรที่ชัดเจนนัก ก็ไม่ยากเลย ลองดูโทนเนอร์จากประเทศญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์ NIKI ดูก็ได้ เพราะได้รับการออกแบบมาให้เหมาะกับทุกสภาพผิว ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวแพ้ง่าย ใช้ได้หมด และยังช่วยจัดการปัญหาผิวโดยรวมได้อีกด้วย ทีนี้ก็คงจะตัดข้อสงสัยที่ว่าโทนเนอร์ยี่ห้อไหนดีไปได้เสียที